วันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2555

พันธุวิศวกรรม และเทคโนโลยี DNA

พันธุวิศวกรรม
ลักษณะของสิ่งมีชีวิตนั้นมีแตกต่างกันอย่างมากมาย แม้แต่สิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันก็มีความแตกต่างกัน ซึ่งความแตกต่างเหล่านี้เอง ที่ทำให้มนุษย์ที่เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีการพัฒนาการทางสมองที่ดีที่สุด เกิดความคิดที่จะปรับแต่งลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตอื่นๆ หรือแม้กระทั้งมนุษย์เอง ซึ่งเมื่อมีความคิดเหล่านี้แล้ว ย่อมทำให้เกิดการพัฒนาขึ้น ซึ่งเรียกว่า
พันธุวิศวกรรม
          พันธุวิศวกรรม
คือการออกแบบลักษณะทางพันธุกรรม แบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอน ดังนี้
หนึ่ง สร้าง DNA สายผสม จาก DNA พาหา (vector) กับ DNA ของสิ่งมีชีวิตที่สนใจ สอง นำ DNA เข้า cell เจ้าบ้าน สาม เพิ่มจำนวน cell ของเจ้าบ้าน เพื่อทำให้ DNA สายผสมเพิ่มขึ้น สี่ สกัดสารจาก cell ของเจ้าบ้านออกมา ต่อไปเป็นการโคลนยีน แบ่งเป็น 2 แบบ ดังนี้ แบบที่หนึ่งเรียกว่า plasmic คือ การเลือก plasmic จากแบคทีเรีย จากนั้นนำ cell ที่ต้องการโคลนมาใส่ใน plasmic ที่เลือกมา แล้วทำให้ทำให้ cell เพิ่มจำนวนขึ้น จากนั้นทำนำ cell ไปใส่ใน ยาปฏิชีวินะเพี่อทำการคัดเลือก cell ที่สามารถต้านทานยาปฏิชีวนะได้ แบบที่สอง pcr คือการโคลนยีนเพื่อการศึกษา เช่น การผลิต insulin หรือ glucagon  และการตัดจำเพาะ คือการตัดสาย nucleotide โดย enzyme และจะมีการตัดแบบจำเพาะต่อคู่เบส 6คู่เบสและ 4คู่เบส เช่น enzyme hea3 จะตัดเมื่อมี 4 คู่เบส คู่เบสเป็น GG /CC  enzyme hide3 จะตัดเมื่อมี 6 คู่เบส
คู่เบสที่มีเบส
G ติดกับเบส G เช่น G/GCCTT เป็นต้น
           Genome
คือ การศึกษาข้อมูลทั้งหมดของสารพันธุกรรม เช่น chromosome, DNA, gene ไปจนถึงลำดับ base ในสาย polynucleotide เป็นต้น โดยการศึกษานั้น จะนำเอาชิ้นส่วน cell จากสิ่งมีชีวิตที่สนใจ จากนั้นนำไปใส่ gel ที่อยู่ในเครื่องมือที่มีชื่อว่า thermo cycler  เรียกกระบวนการนี้ว่า electrolysis การทำงานคือ จากการที่ DNA มีประจุลบ ดังนั้นจึงต้องวิ่งเข้าหาประจุบวกเสมอ ดังนั้นระยะทางที่ DNA แต่ละบริเวณวิ่งได้ก็จะต่างกัน เนื่องจากมีมวลที่ต่างกัน ที่มีมวลหรือมีคู่เบสมาก ก็จะวิ่งได้ระยะทางใกล้ ที่มีมวลหรือคู่เบสน้อย ก็จะวิ่งได้ระยะทางไกลออกไป ตามลำดับ

การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีของ DNA ในทางแพทย์เมื่อพบอาการที่ผิดที่แสดงออกมาทาง phenotype เนื่องจากความผิดปกติของคู่เบส มนุษย์ก็สามารถแก้ไขได้ โดยการนำเอา cell ทีได้จากการโคลนยีน และ พาหะ (vector) จากนั้นนำไปใส่แทนคู่เบสที่ผิดปกติ โดยการนำทางของ vector ก็จะทำให้ ลักษณะที่แสดงออกมานั้นเป็นปกติ และในทางการเกษตร เนื่องจากความฉลาดของมนุษย์ บวกกับความไม่เพียงพอ เมื่อพบว่าพืชที่มีอยู่นั้นไม่ดีพอ ก็สามารถนำความรู้ทางพันธุวิศวกรรมมาปรับใช้ได้ โดยการตัดแต่งยีนของพืช ทำให้ได้พืชที่ต้องการ เช่นพืชทนแดด พืชที่กินน้ำน้อย หรือแม้กระทั้งพืชที่ทนได้ในทุกสภาพแวดล้อม เรียกพืชเหล่านี้ว่า พืช GMO
          มนุษย์สามารถทำอะไรได้หลายสิ่งหลายอย่าง เว้นแต่ว่าเขาจะใช้สิ่งนั้นเหมาะสมหรือไม่ ถ้านำไปใช้ในทางที่ดี ก็จะเกิดประโยชน์มากมาย แต่ถ้านำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม ก็จะเกิดโทษที่ไม่อาจคาดคิดได้ ดังนั้น เราที่เป็นมนุษย์คนหนึ่ง เราก็เลือกเอาเองว่าเราจะนำสิ่งเหล่านั้นมาทำให้เกิดประโยชน์หรือโทษ
  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น